kai
kai2025-04-30 22:58

Bitcoin เปรียบเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างไร?

การเปรียบเทียบ Bitcoin กับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ

คริปโตเคอเรนซีได้ปฏิวัติวงการการเงินในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยนำเสนอทางเลือกแบบกระจายศูนย์ ปลอดภัย และนวัตกรรมใหม่ ๆ แทนสกุลเงิน fiat แบบดั้งเดิม ในบรรดาสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ Bitcoin ยังคงเป็นที่โดดเด่นและมีอิทธิพลมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเข้าใจว่ามันเปรียบเทียบกับสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ อย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน นักพัฒนา และผู้กำหนดนโยบายที่ต้องการนำทางในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้

สาระสำคัญของ Bitcoin และเหตุใดยังคงเป็นผู้นำ?

Bitcoin ถูกแนะนำในปี 2009 โดยบุคคลนิรนามชื่อซาโตชิ นากาโมโต้ ในฐานะคริปโตเคอเรนซีแรกสุด มันได้ริเริ่มเทคโนโลยีบล็อกเชน—สมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดอย่างโปร่งใสและปลอดภัย ตลอดเวลาที่ผ่านมา Bitcoin ได้สร้างตัวเองขึ้นมาในฐานะเครื่องเก็บมูลค่า ซึ่งมักถูกเรียกว่า "ทองคำดิจิทัล" ด้วยมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ปี 2025

ความโดดเด่นของ Bitcoin เกิดจากสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยี การรับรู้ในวงกว้าง และการยอมรับจากนักลงทุนสถาบัน ปริมาณจำกัด—ถูกกำหนดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ—สร้างความหายากซึ่งสามารถผลักให้เกิดความต้องการในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือกลัวภาวะเงินเฟ้อ แม้จะได้รับความนิยม แต่ Bitcoin ก็มีลักษณะผันผวนสูง ราคาสามารถแกว่งตัวอย่างมากภายในระยะเวลาสั้น ๆ อิงตามแนวโน้มตลาดหรือข่าวสารด้านระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ

พัฒนาการล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ราคาของ Bitcoin ใกล้แตะ $95,000 ท่ามกลางแรงไหลเข้าของ ETF (กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต) บางรายงานจากผู้เชี่ยวชาญบางส่วนก็ประมาณการณ์ว่าราคาอาจขึ้นไปถึง $200,000 หรือมากกว่าในปี 2025[1] ความเติบโตนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนและความสนใจต่อเนื่องจากสถาบันการเงินแบบเดิม

เปรียบเทียบกับคริปโตเคอเรนซีหลักอื่น ๆ

แม้ว่า Bitcoin จะนำอยู่ด้านมูลค่าตลาดและระดับการรับรู้ แต่ก็ยังมีคริปโตเคอเรนซีอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่แตกต่างกันภายในระบบเครือข่ายบล็อกเชน:

  • Ethereum (ETH): เปิดตัวเมื่อปี 2015 โดย Vitalik Buterin และทีม Ethereum เป็นรองเพียง Bitcoin ในแง่มูลค่าตลาด จุดเด่นอยู่ที่สามารถสร้างสมาร์ตคอนแทร็กต์ (Smart Contracts)—ข้อตกลงอัตโนมัติซึ่งเขียนโค้ดยึดบน blockchain ของมันเอง รวมทั้งรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ความหลากหลายนี้ทำให้ Ethereum เป็นฐานสำหรับโปรเจ็กต์ DeFi (Decentralized Finance) และ NFT (Non-Fungible Tokens)

  • Altcoins: คำนี้หมายถึงคริปโตเคอเรนซีทางเลือก ที่ออกแบบมาเพื่อฟังก์ชันเฉพาะ เช่น Litecoin (LTC) ซึ่งเน้นเรื่องธุรกรรมเร็วขึ้น; Monero (XMR) ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว; Dogecoin (DOGE) ซึ่งเริ่มต้นเป็นเรื่องตลกแต่ได้รับความนิยมผ่านชุมชนสนับสนุน

  • Stablecoins: ต่างจากสินทรัพย์ผันผวนอย่าง BTC หรือ ETH Stablecoins เช่น USD Coin (USDC) หรือ Tether (USDT) ผูกติดกับค่า fiat เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสถียรภาพในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดคริปโตด้วย

เทคโนโลยี Blockchain: โครงสร้างหลักของสินทรัพย์ดิจิทัล

แก่นแท้คือ เทคโนโลยี blockchain—a ระบบสมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ซึ่งดูแลโดยโหนดย่อยทั่วโลก โครงสร้างนี้ช่วยให้เกิดความโปร่งใส เนื่องจากผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ด้วยตนอัดแน่นไปด้วยมาตราการรักษาความปลอดภัยผ่านวิธีเข้ารหัส ขณะที่ยังเผชิญกับปัญหาเรื่อง scalability ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนธุรกรรม ทำให้งานวิจัยและพัฒนายังดำเนินต่อไปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ลดคุณสมบัติด้าน decentralization หรือ security ตัวอย่างเช่น layer-two solutions อย่าง Lightning Network สำหรับ Bitcoin หรือล่าสุด Ethereum กำลังจะเปิดใช้งาน sharding เพื่อเพิ่ม throughput ของระบบ

นวัตกรรมทางการเงินโดยแรงขับเคลื่อนของคริปโตฯ

แพลตฟอร์ม DeFi เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าด้วยสินทรัพย์ดิ지털กำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมธุกิจแบบเดิม:

  • การให้ยืม & การปล่อยสินเชื่อ: ผู้ใช้สามารถปล่อยเหรียญ crypto ของตนนั้นเพื่อรับผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ย
  • ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตรูปแบบ decentralized: ซื้อขายตรงระหว่างผู้ใช้โดยไม่มีคนกลาง
  • การบริหารจัดการสินทรัพย์ & ประกันภัย: Protocol ใหม่ๆ ช่วยจัดการความเสี่ยงโดยไม่ต้องพึ่งองค์กรกลาง

แนวทางด้านข้อกำหนดยังปรับตัวรวดเร็วทั่วโลก:เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ พยายามหาขอบเขตกรอบงานใหม่ พร้อมทั้งรักษานวัตกรรมไว้ควบคู่กัน ตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ถอนข้อกำหนด IRS บางประเด็นเกี่ยวกับกิจกรรม DeFi เพื่อช่วยลดภาระในการปฏิบัติตามข้อกำหนดยิ่งขึ้น แต่ก็ส่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทในการควบคุมดูแล[5]

แนวโน้มล่าสุดที่ส่งผลต่อตลาด Cryptocurrency

เดือนเมษายน ปี 2025 มีข่าวร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัทใหญ่ฝั่ง traditional finance กับบริษัท crypto:

  • Cantor Fitzgerald ร่วมมือกับ Tether และ SoftBank Group เปิดตัว Twenty One Capital มุ่งหวังที่จะลงทุนใน bitcoin[3]พร้อมกันนั้น บุคลิกชื่อดัง เช่น อดีตรัฐบาล Donald Trump ก็ถูกพูดถึงผ่านกิจการ stablecoin ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัว — สื่อสารว่าความคิดเห็นต่อ digital assets เริ่มเข้าสู่สายหลักแล้ว[2]

แต่ก็มีเสียงเตือนว่า ความร่วมมือเหล่านี้ก็เต็มไปด้วย risks:

  • ความไม่แน่ใจด้าน regulation อาจทำให้ตลาดเกิด volatility สูง
  • ช่องโหว่ด้าน security ยังคงอยู่แม้ว่าจะมีมาตราการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
  • บุคลิกระดับสูงเข้าเกี่ยวข้อง อาจทำให้เกิดแรงจับตามองเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อควบคุมดูแลเข้มข้นขึ้น

ทำไมต้องเข้าใจ Risks กับ Opportunities ในการลงทุน Cryptocurrency?

นักลงทุนควรถ่วงน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนและ risks ที่แท้จริงเมื่อคิดจะเข้าสู่ตลาด:

  • ความผันผวนยังถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกสินทรัพย์ดิ지털
  • กฎเกณฑ์ใหม่ๆ อาจส่งผลต่อ liquidity ของตลาด
  • ภัยไซเบอร์ยังดำรงอยู่ แม้ว่าจะมีมาตราการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแล้ว แต่ตรงกันข้าม, กระแสดึงดูดยอมรับองค์กรระดับใหญ่ เพิ่ม legitimacy ให้บางส่วน จึงช่วยเสริม stability ได้มากขึ้น—แต่ก็ต้องเฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารและบทบาท regulator อยู่เสมอ

สรุปภาพรวมอนาคตของ Digital Currencies

Bitcoin ยังคงเป็น benchmark สำหร่ั งระบบเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย altcoins หลากหลายประเภท ตั้งแต่มุ่งเน้น privacy อย่าง Monero ไปจนถึงแพลตฟอร์มหรือ protocol สำหรับ programmable contracts อย่าง Ethereum ขณะที่เทคนิค blockchain เริ่มแข็งแรงมากขึ้น พร้อมแก้ไขช่องโหว่ scalability ระบบ ecosystem นี้จะกลายเป็นพื้นที่ใช้งานง่ายแต่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกทั้ง, การรวมเอาธุรกิจ traditional finance เข้ามาไว้ร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าทางสายหลักเริ่มเปิดรับ cryptocurrency แล้ว — แต่ก็จำเป็นต้องมี regulation ควบคู่เพื่อรักษาผู้บริโภคให้อยู่ดี[4] สำหรับใครบ้าง? ตั้งแต่มือสมัครเล่นอยากลองหา diversification ไปจนถึง stakeholder ระดับมือโปรที่จะช่วย shaping policy สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจบทบาทเฉพาะของแต่ละเหรียญ within this dynamic environment.


เอกสารประกอบ

  1. คาดการณ์ว่าจะราคาบิตcoinทะลุ $200K+ จาก inflows ETF — [Source]
  2. ดีล stablecoin เชื่อมโยง Trump ตั้งคำถาม regulatory — [Source]
  3. หุ้นส่วน Cantor Fitzgerald กับ Tether & SoftBank ลงทุน bitcoin — [Source]
  4. แนวนโยบาย regulator เปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อตลาด cryptocurrency — [Source]
  5. Repeal IRS 'DeFi Broker Rule' สนับสนุน innovation — [Source]

หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดจนถึงตุลาคม 2023 อาจเปลี่ยนแปลงได้รวบรัดตามสถานการณ์ตลาด

15
0
0
0
Background
Avatar

kai

2025-05-06 08:18

Bitcoin เปรียบเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างไร?

การเปรียบเทียบ Bitcoin กับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ

คริปโตเคอเรนซีได้ปฏิวัติวงการการเงินในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยนำเสนอทางเลือกแบบกระจายศูนย์ ปลอดภัย และนวัตกรรมใหม่ ๆ แทนสกุลเงิน fiat แบบดั้งเดิม ในบรรดาสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ Bitcoin ยังคงเป็นที่โดดเด่นและมีอิทธิพลมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การเข้าใจว่ามันเปรียบเทียบกับสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ อย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน นักพัฒนา และผู้กำหนดนโยบายที่ต้องการนำทางในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้

สาระสำคัญของ Bitcoin และเหตุใดยังคงเป็นผู้นำ?

Bitcoin ถูกแนะนำในปี 2009 โดยบุคคลนิรนามชื่อซาโตชิ นากาโมโต้ ในฐานะคริปโตเคอเรนซีแรกสุด มันได้ริเริ่มเทคโนโลยีบล็อกเชน—สมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดอย่างโปร่งใสและปลอดภัย ตลอดเวลาที่ผ่านมา Bitcoin ได้สร้างตัวเองขึ้นมาในฐานะเครื่องเก็บมูลค่า ซึ่งมักถูกเรียกว่า "ทองคำดิจิทัล" ด้วยมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ปี 2025

ความโดดเด่นของ Bitcoin เกิดจากสถานะผู้นำด้านเทคโนโลยี การรับรู้ในวงกว้าง และการยอมรับจากนักลงทุนสถาบัน ปริมาณจำกัด—ถูกกำหนดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ—สร้างความหายากซึ่งสามารถผลักให้เกิดความต้องการในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือกลัวภาวะเงินเฟ้อ แม้จะได้รับความนิยม แต่ Bitcoin ก็มีลักษณะผันผวนสูง ราคาสามารถแกว่งตัวอย่างมากภายในระยะเวลาสั้น ๆ อิงตามแนวโน้มตลาดหรือข่าวสารด้านระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ

พัฒนาการล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ราคาของ Bitcoin ใกล้แตะ $95,000 ท่ามกลางแรงไหลเข้าของ ETF (กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต) บางรายงานจากผู้เชี่ยวชาญบางส่วนก็ประมาณการณ์ว่าราคาอาจขึ้นไปถึง $200,000 หรือมากกว่าในปี 2025[1] ความเติบโตนี้สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนและความสนใจต่อเนื่องจากสถาบันการเงินแบบเดิม

เปรียบเทียบกับคริปโตเคอเรนซีหลักอื่น ๆ

แม้ว่า Bitcoin จะนำอยู่ด้านมูลค่าตลาดและระดับการรับรู้ แต่ก็ยังมีคริปโตเคอเรนซีอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่แตกต่างกันภายในระบบเครือข่ายบล็อกเชน:

  • Ethereum (ETH): เปิดตัวเมื่อปี 2015 โดย Vitalik Buterin และทีม Ethereum เป็นรองเพียง Bitcoin ในแง่มูลค่าตลาด จุดเด่นอยู่ที่สามารถสร้างสมาร์ตคอนแทร็กต์ (Smart Contracts)—ข้อตกลงอัตโนมัติซึ่งเขียนโค้ดยึดบน blockchain ของมันเอง รวมทั้งรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ความหลากหลายนี้ทำให้ Ethereum เป็นฐานสำหรับโปรเจ็กต์ DeFi (Decentralized Finance) และ NFT (Non-Fungible Tokens)

  • Altcoins: คำนี้หมายถึงคริปโตเคอเรนซีทางเลือก ที่ออกแบบมาเพื่อฟังก์ชันเฉพาะ เช่น Litecoin (LTC) ซึ่งเน้นเรื่องธุรกรรมเร็วขึ้น; Monero (XMR) ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว; Dogecoin (DOGE) ซึ่งเริ่มต้นเป็นเรื่องตลกแต่ได้รับความนิยมผ่านชุมชนสนับสนุน

  • Stablecoins: ต่างจากสินทรัพย์ผันผวนอย่าง BTC หรือ ETH Stablecoins เช่น USD Coin (USDC) หรือ Tether (USDT) ผูกติดกับค่า fiat เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสถียรภาพในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดคริปโตด้วย

เทคโนโลยี Blockchain: โครงสร้างหลักของสินทรัพย์ดิจิทัล

แก่นแท้คือ เทคโนโลยี blockchain—a ระบบสมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ซึ่งดูแลโดยโหนดย่อยทั่วโลก โครงสร้างนี้ช่วยให้เกิดความโปร่งใส เนื่องจากผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ด้วยตนอัดแน่นไปด้วยมาตราการรักษาความปลอดภัยผ่านวิธีเข้ารหัส ขณะที่ยังเผชิญกับปัญหาเรื่อง scalability ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนธุรกรรม ทำให้งานวิจัยและพัฒนายังดำเนินต่อไปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ลดคุณสมบัติด้าน decentralization หรือ security ตัวอย่างเช่น layer-two solutions อย่าง Lightning Network สำหรับ Bitcoin หรือล่าสุด Ethereum กำลังจะเปิดใช้งาน sharding เพื่อเพิ่ม throughput ของระบบ

นวัตกรรมทางการเงินโดยแรงขับเคลื่อนของคริปโตฯ

แพลตฟอร์ม DeFi เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าด้วยสินทรัพย์ดิ지털กำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมธุกิจแบบเดิม:

  • การให้ยืม & การปล่อยสินเชื่อ: ผู้ใช้สามารถปล่อยเหรียญ crypto ของตนนั้นเพื่อรับผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ย
  • ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตรูปแบบ decentralized: ซื้อขายตรงระหว่างผู้ใช้โดยไม่มีคนกลาง
  • การบริหารจัดการสินทรัพย์ & ประกันภัย: Protocol ใหม่ๆ ช่วยจัดการความเสี่ยงโดยไม่ต้องพึ่งองค์กรกลาง

แนวทางด้านข้อกำหนดยังปรับตัวรวดเร็วทั่วโลก:เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ พยายามหาขอบเขตกรอบงานใหม่ พร้อมทั้งรักษานวัตกรรมไว้ควบคู่กัน ตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ถอนข้อกำหนด IRS บางประเด็นเกี่ยวกับกิจกรรม DeFi เพื่อช่วยลดภาระในการปฏิบัติตามข้อกำหนดยิ่งขึ้น แต่ก็ส่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทในการควบคุมดูแล[5]

แนวโน้มล่าสุดที่ส่งผลต่อตลาด Cryptocurrency

เดือนเมษายน ปี 2025 มีข่าวร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างบริษัทใหญ่ฝั่ง traditional finance กับบริษัท crypto:

  • Cantor Fitzgerald ร่วมมือกับ Tether และ SoftBank Group เปิดตัว Twenty One Capital มุ่งหวังที่จะลงทุนใน bitcoin[3]พร้อมกันนั้น บุคลิกชื่อดัง เช่น อดีตรัฐบาล Donald Trump ก็ถูกพูดถึงผ่านกิจการ stablecoin ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัว — สื่อสารว่าความคิดเห็นต่อ digital assets เริ่มเข้าสู่สายหลักแล้ว[2]

แต่ก็มีเสียงเตือนว่า ความร่วมมือเหล่านี้ก็เต็มไปด้วย risks:

  • ความไม่แน่ใจด้าน regulation อาจทำให้ตลาดเกิด volatility สูง
  • ช่องโหว่ด้าน security ยังคงอยู่แม้ว่าจะมีมาตราการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
  • บุคลิกระดับสูงเข้าเกี่ยวข้อง อาจทำให้เกิดแรงจับตามองเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อควบคุมดูแลเข้มข้นขึ้น

ทำไมต้องเข้าใจ Risks กับ Opportunities ในการลงทุน Cryptocurrency?

นักลงทุนควรถ่วงน้ำหนักระหว่างผลตอบแทนและ risks ที่แท้จริงเมื่อคิดจะเข้าสู่ตลาด:

  • ความผันผวนยังถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกสินทรัพย์ดิ지털
  • กฎเกณฑ์ใหม่ๆ อาจส่งผลต่อ liquidity ของตลาด
  • ภัยไซเบอร์ยังดำรงอยู่ แม้ว่าจะมีมาตราการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงแล้ว แต่ตรงกันข้าม, กระแสดึงดูดยอมรับองค์กรระดับใหญ่ เพิ่ม legitimacy ให้บางส่วน จึงช่วยเสริม stability ได้มากขึ้น—แต่ก็ต้องเฝ้าระวังข้อมูลข่าวสารและบทบาท regulator อยู่เสมอ

สรุปภาพรวมอนาคตของ Digital Currencies

Bitcoin ยังคงเป็น benchmark สำหร่ั งระบบเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วย altcoins หลากหลายประเภท ตั้งแต่มุ่งเน้น privacy อย่าง Monero ไปจนถึงแพลตฟอร์มหรือ protocol สำหรับ programmable contracts อย่าง Ethereum ขณะที่เทคนิค blockchain เริ่มแข็งแรงมากขึ้น พร้อมแก้ไขช่องโหว่ scalability ระบบ ecosystem นี้จะกลายเป็นพื้นที่ใช้งานง่ายแต่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ

อีกทั้ง, การรวมเอาธุรกิจ traditional finance เข้ามาไว้ร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าทางสายหลักเริ่มเปิดรับ cryptocurrency แล้ว — แต่ก็จำเป็นต้องมี regulation ควบคู่เพื่อรักษาผู้บริโภคให้อยู่ดี[4] สำหรับใครบ้าง? ตั้งแต่มือสมัครเล่นอยากลองหา diversification ไปจนถึง stakeholder ระดับมือโปรที่จะช่วย shaping policy สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจบทบาทเฉพาะของแต่ละเหรียญ within this dynamic environment.


เอกสารประกอบ

  1. คาดการณ์ว่าจะราคาบิตcoinทะลุ $200K+ จาก inflows ETF — [Source]
  2. ดีล stablecoin เชื่อมโยง Trump ตั้งคำถาม regulatory — [Source]
  3. หุ้นส่วน Cantor Fitzgerald กับ Tether & SoftBank ลงทุน bitcoin — [Source]
  4. แนวนโยบาย regulator เปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อตลาด cryptocurrency — [Source]
  5. Repeal IRS 'DeFi Broker Rule' สนับสนุน innovation — [Source]

หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดจนถึงตุลาคม 2023 อาจเปลี่ยนแปลงได้รวบรัดตามสถานการณ์ตลาด

JuCoin Square

คำเตือน:มีเนื้อหาจากบุคคลที่สาม ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน
ดูรายละเอียดในข้อกำหนดและเงื่อนไข